ความเป็นมาและความสำคัญ
ประเพณีสารทเดือนสิบ (แซนโฎนตา) ของชาวไทยเชื้อสายเขมรในจังหวัดสุรินทร์
ยังคงมีการปฏิบัติสืบทอดกันมาจวบจนถึงปัจจุบันนี้ ด้วยสาเหตุหลัก ๆ คือ ได้รับอิทธิพลจากคติความเชื่อเรื่องการบูชาบรรพบุรุษและการบูชาเทพเจ้าของศาสนาพราหมณ์
ได้รับอิทธิพลจากความเชื่อเรื่องการบูชาตามคติทางพระพุทธศาสนา และได้รับคติความเชื่อโบราณที่เกี่ยวกับอำนาจการให้คุณให้โทษของผีบรรพบุรุษและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่มีอยู่ในชุมชน
เพราะคติความเชื่อของชาวไทยเชื้อสายเขมรเมื่อถึงช่วงเทศกาลสารทเดือนสิบ ประตูยมโลกจะเปิด
เปรตจะเดินทางมาเยี่ยมญาติเพื่อขอส่วนบุญ จากญาติพี่น้องของตน ชาวไทยเขมรจึงต้องมีการจัดทำอาหาร
ขนมข้าวต้ม เพื่อต้อนรับผีบรรพบุรุษเหล่านั้น การประกอบพิธีดังกล่าวเมื่อถึงรุ่งเช้าของวันขึ้น
๑๕ ค่ำ เดือน ๑๐ ก็จะนำอาหารขนมข้าวต้มไปถวายพระสงฆ์ที่วัด เพื่ออุทิศส่วนบุญให้ผีบรรพบุรุษของตน
เรียกพิธีดังกล่าวว่า
“การทำบุญวันสารทเล็ก”
ซึ่งมีความเชื่อว่าผีบรรพบุรุษจะออกมาจากยมโลกได้ ๑๕ วัน หลังจากนั้นต้องกลับไปรับกรรมในยมโลกตามเดิม
การประกอบพิธีสารทของชาวจังหวัดสุรินทร์นั้น มีระยะเวลาการทำบุญ ๒ ช่วง ดังนี้
๑)ช่วงสารทเล็ก (เบณฑ์ตูจ) ประกอบพิธี วันขึ้น ๑๕
ค่ำ เดือน ๑๐
๒) ช่วงสารทใหญ่ นับไปอีก ๑๔ วัน นับจาก วันแรม ๑ ค่ำ
เดือน ๑๐ ถึง วันแรม ๑๕
ค่ำ เดือน ๑๐ เป็นวันสารทใหญ่ (เบณฑ์ทม)
ช่วงระยะเวลานี้จะมีการประกอบพิธีสารทเดือนสิบ มีความเชื่อกันว่า สัตว์นรกจะถูกปลดปล่อยให้มารับส่วนบุญจากญาติพี่น้อง
เปรตจะเดินทางมาเยี่ยมญาติที่ยังมีชีวิตอยู่ สาเหตุที่ต้องเตรียมตัวทำบุญตั้งแต่วันขึ้น
๑๕ ค่ำ เดือน ๑๐ เพราะเชื่อกันว่า ผีบรรพบุรุษถูกปล่อยมาตั้งแต่ช่วงสารทเล็ก และเดินทางมาไกลเกิดความเหน็ดเหนื่อย
หิวกระหาย เมื่อมาถึงก็จะอยู่ที่วัดรอคอยว่าญาติหรือลูกหลาน จะมาทำบุญอุทิศส่วนบุญให้หรือไม่
ตอนนี้เองหากญาติหรือลูกหลาน
มาทำบุญให้ผีบรรพบุรุษก็จะดีใจ และได้รับผลบุญจากที่ได้มีการทำบุญอุทิศให้ ก็จะอวยพรให้ญาติหรือ
2
ลูกหลานมีความสุขความเจริญ
นอกจากจะเป็นการทำบุญเพื่ออุทิศส่วนบุญให้ผีบรรพบุรุษแล้ว ยังเป็นการแสดงออกถึงความกตัญญูกตเวทีต่อผู้มีพระคุณ
การสร้างปฏิสัมพันธ์ ความรัก
ความอบอุ่นของสมาชิกในครอบครัวเครือญาติ จนถึงการสร้างความสามัคคีของคนในชุมชนด้วยบรรพบุรุษก็จะดีใจ
และได้รับผลบุญจากที่ได้มีการทำบุญอุทิศให้ ก็จะอวยพรให้ญาติหรือลูกหลานมีความสุขความเจริญ
นอกจากจะเป็นการทำบุญเพื่ออุทิศส่วนบุญให้ผีบรรพบุรุษแล้ว ยังเป็นการแสดงออกถึงความกตัญญูกตเวทีต่อผู้มีพระคุณ
การสร้างปฏิสัมพันธ์ ความรักความอบอุ่นของสมาชิกในครอบครัวเครือญาติ จนถึงการสร้างความสามัคคีของคนในชุมชนด้วย
การประกอบพิธีสารทดังกล่าว สอดคล้องกับคติความเชื่อในพระพุทธศาสนาคือหลัก
ปฏิบัติที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงตรัสไว้คือ
การทำพลีกรรม ๕ อย่าง คือ ญาติพลี อติถิพลี ปุพพ
เปตพลี
ราชพลี เทวตาพลี นอกจากนั้นหลักธรรมที่เห็นได้จากประเพณีสารทเดือนสิบก็คือการ
เคารพผู้ใหญ่ที่เป็นบรรพบุรุษในวงศ์ตระกูล
และการแสดงออกซึ่งความกตัญญู รู้คุณต่อบิดามารดา
และบรรพบุรุษ
ซึ่งถือว่าเป็นหน้าที่ของผู้อยู่ครองเรือนทั่วไปจะพึงกระทำ และไม่จำเพาะเจาะจงว่า
จะต้องทำให้แก่ผู้ที่เป็นสมาชิกภายในครอบครัว
หรือผู้ที่เป็นเครือญาติของตนเท่านั้น แต่ให้กระทำ
แก่ผู้อื่นที่เป็นมิตรสหาย
หรือผู้ที่อยู่ร่วมสังคมเดียวกัน ว่าโดยหลักก็คือการทำกุศลกรรมบางอย่าง
แล้วอุทิศส่วนบุญที่เกิดขึ้นเพื่อประโยชน์แก่ผู้อื่นด้วยนั่นเอง
หลายครั้งที่การอุทิศส่วนบุญ มุ่งไปยัง
เปรต
และบรรพชนซึ่งเชื่อกันว่า บัดนี้อาจจะกำลังประสบความทุกข์อยู่ในทุคติภูมิ
การกระทำ
ดังกล่าวนับว่ามีประโยชน์ในเชิงปฏิบัติต่อการระงับความหิวของเปรตนั้นเป็นอย่างยิ่ง
และเป็น
เครื่องรับประกันว่า
พวกเขาจะไม่สร้างความเดือดร้อนต่อมนุษย์อีกด้วย ยิ่งไปกว่านั้นหากพิจารณา
ถึงประโยชน์
ที่สังคมจะพึงได้จากการบูชาคุณของญาติที่ล่วงลับไปแล้วนี้ ก็สามารถมองเห็น
ช่องทาง
ที่จะขยายประโยชน์ออกไปได้อย่างกว้างขวาง กล่าวคือ เมื่อผู้ที่ล่วงไปแล้วเคยสร้างคุณงามความดีไว้มากจนเป็นที่ประจักษ์แก่สังคม
สังคมก็จะช่วยกันยกย่องเชิดชูคุณงามความดีของเขาการกระทำอย่างนี้นับว่าเป็นผลดีแก่สังคม
ในการที่จะดำรงรักษาสังคมนั้นให้มั่นคงเป็นปึกแผ่น ทำ
ให้สังคมมีความสงบสุขมีความสามัคคีกลมเกลียวกัน
ด้วยเหตุนี้คณะผู้จัดทำในฐานะที่เป็นเยาวชนคนรุ่นใหม่ จึงได้สืบค้น
ศึกษาประวัติความเป็นมาและความสำคัญของประเพณีแซนโฎนตา เพื่ออนุรักษ์ประเพณีที่เก่าแก่นี้ให้คงอยู่เพื่อลูกหลานรุ่นหลัง
เผยแพร่ให้คนรุ่นหลังเห็นถึงความสำคัญประเพณีแซนโฎนตาของชาวสุรินทร์และมีความภาคภูมิใจในถิ่นกำเนิดและสืบสานประเพณีให้คงอยู่สืบต่อไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น